ไปเที่ยวกาญจน์ไหม 4 วัน 3 คืน ก็เที่ยวไม่หมด ..

เมื่อนึกถึงจังหวัดกาญจนบุรีแล้ว ก็แน่นอนสายลุย สายชิลล์ สายอุปกรณ์ สายโหด สายกิน สายมันส์ หรือสายไหนๆ มักจะไม่พลาดกัน
กาญจนบุรี นับเป็นจังหวัดที่มีความอุดมสมบูรณ์ของธรรมชาติ ความหลากหลายด้านวัฒนธรรม และความเป็นมาทางประวัติศาสตร์ค่อนข้างมาก

ประจิมทิศ หรือที่เข้าใจกันง่ายๆ ก็คือ ทิศตะวันตก เมื่ออ่านดูแล้วอาจจะนึกไปไกล zzZ….ไม่ต้องคิดไกลขนาดนั้น คร้าบบท่านผู้อ่าน

เมื่อนึกถึงทิศตะวันตกแล้วหลายท่านมักจะนึกถึง “จังหวัดกาญจนบุรี” ใช่แล้ว ท่านมาถูกทางแล้วล่ะ
กาญจนบุรีเป็นจังหวัดที่ถูกอยู่ทางทิศตะวันตกของประเทศไทย

และที่ว่าไม่ต้องนึกไปไกลนั้น เนื่องจากจังหวัดกาญจนบุรีอยู่ห่างจากกรุงเทพมหานครราวๆ 100 กว่ากิโลเมตร เท่านั้นเอง
ซึ่งการเดินทางจากกรุงเทพมหานครไปยังจังหวัดกาญจบุรีสามารถใช้เส้นทางได้หลายเส้นทางและใช้ระยะเวลาในการ เดินทางราวๆ 1.5 – 2 ชั่วโมงเท่านั้น

เมื่อนึกถึงจังหวัดกาญจนบุรีแล้ว ก็แน่นอนสายลุย สายชิลล์ สายอุปกรณ์ สายโหด สายกิน สายมันส์ หรือสายไหนๆ มักจะไม่พลาดกัน
กาญจนบุรีนับเป็นจังหวัดที่มีความอุดมสมบูรณ์ของธรรมชาติ ความหลากหลายด้านวัฒนธรรม และความเป็นมาทาง
ประวัติศาสตร์ค่อนข้างมาก เนื่องจากแทบทุกอำเภอของจังหวัดกาญจนบุรีจะมีสถานที่ท่องเที่ยวและกิจกรรมที่น่าสนใจ จึงเหมาะกับการเดินทางมา ท่องเที่ยวของนักท่องเที่ยวทุกกลุ่มทุกคนเป็นอย่างยิ่ง

เวลานี้จะขอเสนอการออกเดินทางไปกับสายน้ำจากธรรมชาติกัน หากพร้อมแล้วออกเดินทางไปกับโตโยต้ากาญจนบุรีกันเลย….

แสงของเช้าวันใหม่ส่องลงมายังผืนป่าตะวันตก ถึงเวลาบอกลาขุนเขาที่หลายท่านได้เปรยไว้ว่า วันหนึ่งฉันจะพา ตัวเองมายืนอยู่บนยอดเขาแห่งนี้ให้ได้ เราต่างรู้จักยอดเขาแห่งนี้ในชื่อ “เขาช้างเผือก” ที่อยู่ในเขตอุทยานแห่งชาติทองผาภูมิ อ.ทองผาภูมิ

เพื่อมุ่งหน้าคลายความเหน็ดเหนื่อยจากการพิชิตยอดเขาช้างเผือกที่น้ำตกในบริเวณอุทยานแห่งชาติแห่งนี้ นั่นก็คือ “น้ำตกจ๊อกกระดิ่น”

น้ำตกจ๊อกกระดิ่นอยู่ห่างจากที่ทำการอุทยานแห่งชาติทองผาภูมิ ประมาณ 5 กิโลเมตร สามารถนำรถเข้าไปในเขตของน้ำตกได้ จากจุดจอดรถเราต้องเดินเท้าเข้าไปอีกประมาณ 300 เมตร เราจะได้พบกับน้ำตกที่สวยงาม น้ำใสและเย็นจับใจ

โดยสามารถลงเล่นน้ำได้ โดยจะมีเจ้าหน้าที่คอยดูแลความปลอดภัยให้กับนักท่องเที่ยว รวมถึงมีห่วงยางให้นักท่อง เที่ยวลงเล่นน้ำตกได้อีกด้วย เมื่อมาน้ำตกเราไม่รอช้าโดดลงน้ำทันที คนละตู้มละต้ามเพื่อชำระล้างทุกอย่างออกจากร่างกาย (ยังคงเหลือไว้เพียง
เสื้อผ้า) หลังจากร่างกายไม่ได้รับการอาบน้ำมา 2 วัน เนื่องจากเส้นทางพิชิตยอดเขาช้างเผือกจะมีก็แต่น้ำที่เราและลูกหาบแบกขึ้นไปจากด้านล่างนั่นเอง

หลังจากชำระล้างสิ่งสกปรกออกจากร่างกายบวกกับทนความเย็นจับใจของน้ำตกไม่ไหว ก็ถึงเวลาที่จะต้องลาน้ำตกจ๊อกกระดิ่นและอุทยานแห่งชาติทองผาภูมิแล้วและเราจะมุ่งหน้าสู่ “น้ำตกเกริงกระเวีย” กัน

น้ำตกเกริงกระเวียอยู่ระหว่างทางจากอำเภอทองผาภูมิไปยังอำเภอสังขละบุรี เราสามารถเห็นน้ำตกได้จากถนนหลักเลย โดยน้ำตกเกริงกระเวียอยู่ในบริเวณอุทยานแห่งชาติเขาแหลมเป็นสถานที่พักผ่อนหย่อนใจของนักเดินทาง สามารถลงเล่นน้ำได้ แต่ในครั้งนี้เราไม่ได้ลงเล่นน้ำกัน เนื่องจากอิ่มตัวจากการลงเล่นน้ำจากน้ำตกจ๊อกกระดิ่นแล้วนั่นเอง (เปล่า…ชุดหมดแล้วคร้าบท่านผู้อ่าน) และไม่ไกลจากน้ำตกนี้จะมีร้านค้าบริการขายอาหารและของว่างกัน สามารถซื้อมารับประทานริมน้ำตกได้

อย่าลืมเก็บเศษขยะทุกชิ้นกลับไปด้วยนะคร้าบ
จากน้ำตกเกริงกระเวียเราสามารถเดินทางต่อไปเที่ยวในอำเภอสังขละบุรีได้ โดยจะมีสถานที่ที่เป็นจุดไฮไลท์นั่นก็ คือ สะพานมอญ วัดวังก์วิเวการาม และการนั่งเรือไปชมวัดจมน้ำ รวมไปถึงสถานที่สำคัญๆ อื่นๆ และวิถีชีวิตความเป็นอยู่ของชาวมอญที่อยู่บริเวณอำเภอสังขละบุรีด้วย

หากมีเวลาเหลือก็สามารถแวะไปที่ด่านเจย์ดีสามองค์ที่เป็นชายแดนไทย-เมียนมาร์ โดยเราสามารถข้ามไปยังฝั่งเมียนมาร์ได้โดยการขับรถ ติดต่อทำเรื่องข้ามแดนที่ด่านพรหมแดนได้เลยคร้าบ ถ้าได้มีโอกาสนำรถไปยังฝั่งพม่า อย่าลืมขับชิดขวาด้วยนะคร้าบ

หลังจากเที่ยวในสังขละบุรีอย่างเต็มที่แล้วเราจองห้องพักสำหรับคืนนี้ไว้ที่ “ไทรโยค วิว ราฟ์ท” เรียกได้ว่าเป็น ที่พักผ่อนหย่อนใจวิวหลักล้านเลยทีเดียว
สถานที่แห่งนี้เหมาะกับการพักผ่อนกายและใจ ดื่มดำกับธรรมชาติให้อย่างเต็มปอด ก่อนที่จะกลับไปทำหน้าที่ตัวเองใน วันต่อๆ ไป

โดยที่พักจะมีเรือลากแพออกไปชมวิวตามแม่น้ำแคววันละ 2 รอบ คือ หลังอาหารเช้าและช่วงเย็นเวลา 16.40 น. (อยากกระซิบว่า อาหารอร่อยมากกกกกกก)

หรือจะใช้บริการสระว่ายน้ำก็ได้ด้วย โดยจะมีทั้งสระว่ายน้ำในร่มและสระว่ายน้ำกลางแจ้งครับ

หลังจากเช็คเอ้าท์จากที่พักแล้วพวกเราเล่นน้ำได้ไม่หนำใจ เนื่องจากการเดินทางครั้งนี้เป็นการเดินทางเพื่อเล่นน้ำ โดยเฉพาะ หากตัวยังไม่เปื่อยเราก็เลิกไม่ได้ ฮ่าๆ
พวกเราจึงออกเดินทางต่อไปยังอำเภอศรีสวัสดิ์ โดยมีจุดหมายปลายทางนั่นก็คือ “น้ำตกเอราวัณ” ที่ตั้งอยู่ในเขต อุทยานแห่งชาติเอราวัณ ที่นี่จะมีน้ำตลอดทั้งปี
และเป็นน้ำตกที่มีน้ำใส สะอาดและเย็นสบาย แบ่งเป็นชั้นๆ มีทั้งหมด 7 ชั้น และแน่นอนสายอึดอย่างพวกเราต้องไปให้ ถึงชั้นที่ 7 ว่าแล้วก็ตามไปกันเล้ยยยย

น้ำตกเอราวัณนี้เหมาะกับท่านผู้อ่านทุกเพศทุกวัย เนื่องจากจะแบ่งเป็นชั้นๆ ถ้าหากท่านเดินขึ้นไปยังชั้นบนๆ ไม่ไหวก็สามารถหาซื้ออาหารและเครื่องดื่มและเครื่องดื่มมารับประทานได้บริเวณชั้น 1-2

ส่วนท่านใดจะซื้อไปชั้นต่อๆ ไป จะต้องมีการมัดจำถุงและขวดพลาสติก นำขึ้นไปกี่ชิ้นก็ต้องนำลงมาเท่านั้นด้วยนะคร้าบ ระหว่างทางพวกเราเดินเล่นไปเรื่อยๆ มีชันบ้างราบบ้างสลับกันไป พวกเราก็ถือโอกาสแวะถ่ายรูปไปตามทางเดิน

แป๊บๆ ก็ถึงชั้นที่ 7 ถือว่าเป็นชั้นที่สวยที่สุด และเป็นชั้นเดียวที่มีป้ายผู้พิชิตน้ำตกเอราวัณด้วยนะคร้าบ

เมื่อเล่นน้ำกันจนเต็มที่ ถึงเวลาจะต้องกลับไปพักผ่อน เพื่อสู้กับวันต่อไปแล้ว เราจึงเดินทางออกจากน้ำตกเอราวัณสู่ที่พัก สำหรับคืนนี้ หลังจากอาบน้ำเสร็จ พวกเราต่างสลบกันไปเป็นแถว เนื่องจากความเหนื่อยล้าจากการเดินขึ้นไปยังน้ำตกชั้นที่ 7 นั่นเอง

เช้าวันใหม่ เป็นวันสุดท้ายสำหรับทริปเล่นน้ำในครั้งนี้ เราเลือกที่จะไปเล่นเครื่องเล่นและกิจกรรมทางน้ำที่ “อนันตาริเวอร์ฮิลส์รีสอร์ท” รีสอร์ทแห่งนี้มีบริการล่องแพเปียก และเครื่องเล่นทางน้ำจำนวนมาก

เราใช้เวลากับกิจกรรมทางน้ำอยู่พอสมควร ก็ถึงเวลาอันสมควรที่จะบอกลากาญจนบุรีกลับไปทำหน้าที่ของตนเองกันแล้ว  การเดินทางครั้งนี้ได้สิ้นสุดลงอย่างเป็นทางการที่โตโยต้ากาญจนบุรี ทิ้งไว้เพียงความทรงจำอันงดงามจากเพื่อน ร่วมทางและธาราแห่งประจิมทิศ

เบอร์โทรศัพท์สถานที่ต่างๆ : 
– อุทยานแห่งชาติทองผาภูมิ-น้ำตกจ๊อกกระดิ่น :  098-2520359
– อุทยานแห่งชาติเขาแหลม-น้ำตกเกริงกระเวีย   : 034-546802, 034-532099
– ไทรโยควิวราฟ์ท : 085-5164682, 062-4944544, 087-3999964
– อุทยานแห่งชาติเอราวัณ-น้ำตกเอราวัณ : 034-574222, 034-574234
– อนันตาริเวอร์ฮิลส์รีสอร์ท : 087-5881970, 081-4454488, 081-9072228
– โตโยต้ากาญจนบุรี : 034-540789