ข้อควรปฏิบัติ ในการขับรถประหยัดน้ำมัน
ข้อควรปฏิบัติในการขับรถประหยัดน้ำมัน
เชื่อว่าตอนนี้คงไม่มีอะไรทำให้คนใช้รถใช้ถนนหนักใจเท่ากับ “วิกฤติน้ำมันแพง” เพราะสภาพเศรษฐกิจในปัจจุบันได้รับผลกระทบจากโควิด-19 อยู่แล้ว การต้องแบกรับค่าน้ำมันอีกจึงกลายเป็นภาระหนักสำหรับหลาย ๆ คน วันนี้ เกร็ดความรู้จากโตโยต้า ลีสซิ่ง จึงมีข้อมูลมาแนะแนวทางประหยัดน้ำมันกับ 5 ข้อง่าย ๆ ที่ช่วยให้ประหยัดน้ำมันกว่าเดิม และนำไปใช้สู้วิกฤติน้ำมันแพงได้แน่นอน
1. ขับรถความเร็วคงที่ประมาณ 80 – 90 กิโลเมตร/ชั่วโมง
ใครกังวลเรื่องน้ำมันแพง ลองขับรถโดยใช้ความเร็วคงที่ประมาณ 80 – 90 กิโลเมตรต่อชั่วโมงกันดู เนื่องจากช่วงความเร็วดังกล่าวเป็นช่วงความเร็วที่ทำให้เครื่องยนต์เผาผลาญเชื้อเพลิงได้อย่างมีประสิทธิภาพมากที่สุด จึงช่วยประหยัดน้ำมันและยังช่วยยืดอายุการใช้งานของเครื่องยนต์ด้วย
2. ไม่ขับรถกระชากและลากเครื่องยนต์
ใครอยากประหยัดน้ำมันต้องจำไว้เลยว่าห้ามขับรถกระชาก ลากเครื่องยนต์ หรือเบิ้ลเครื่องเป็นอันขาด เพราะลักษณะการขับขี่ดังกล่าวจะทำให้เชื้อเพลิงถูกสูบฉีดเข้าไปในห้องเผาไหม้มากเกินความจำเป็นจนสิ้นเปลืองโดยใช่เหตุและยังทำให้การเผาไหม้ไม่สมบูรณ์จนเกิดมลพิษตามมา เป็นสาเหตุของฝุ่น ควันพิษ และ PM 2.5 รวมถึงทำให้เปลืองน้ำมัน
3. ไม่เร่งเครื่องหรือเบรกกะทันหัน
การเร่งเครื่องหรือเบรกกระทันหันไม่ใช่เรื่องดี เพราะเป็นการทำให้เครื่องยนต์ทำงานหนักโดยไม่จำเป็น ทำให้ใช้น้ำมันเกินความจำเป็นและยังทำให้เสี่ยงต่อการเกิดอุบัติเหตุบนท้องถนน ดังนั้นใครอยากดูแลเครื่องยนต์ให้ใช้ได้นานไปพร้อมกับการประหยัดในช่วงน้ำมันแพงแบบนี้ก็ควรขับรถอย่างนิ่มนวล ไม่เร่งเครื่องและไม่เบรกกระทันหันบ่อย ๆ จะดีที่สุด
4. เช็กและเติมลมยางสม่ำเสมอ
รู้ไหมว่าการเติมลมยางช่วยให้ประหยัดน้ำมันได้ เพราะหากลมยางอ่อนเกินไปจะทำให้หน้ายางบดกับพื้นถนนมากเกินจนเกิดแรงต้านจนทำให้เครื่องยนต์ทำงานหนัก ส่วนลมยางที่แข็งเกินไปก็จะทำให้แรงต้านน้อย ดังนั้นจึงต้องหมั่นตรวจเช็กลมยางเป็นประจำและเติมลมยางให้ได้ระดับที่เหมาะสมตามคู่มือ
5. ไม่บรรทุกน้ำหนักมากเกินไป
วิธีประหยัดน้ำมันข้อสุดท้ายก็คือไม่บรรทุกสัมภาระมากเกินไปจนน้ำหนักมากเกินกว่าที่กำหนด เพราะยิ่งหนักก็ยิ่งเปลืองน้ำมันนั่นเอง
นอกจากแนวทางประหยัดน้ำมันทั้ง 5 ข้อแล้ว ใครอยากรับมือกับปัญหาน้ำมันแพง กรมการขนส่งทางบกยังแนะนำว่าควรนำรถไปตรวจเช็กสภาพอย่างสม่ำเสมอ หมั่นทำความสะอาดและเปลี่ยนไส้กรองอากาศ เปลี่ยนน้ำมันเครื่องและเปลี่ยนกรองน้ำมันเชื้อเพลิงตามระยะเวลาหรือระยะทางที่กำหนดเสมอ นอกจากนี้ควรปรับตั้งหัวฉีดน้ำมันให้เหมาะสมเพื่อให้ประหยัดน้ำมันได้สูงสุด หากนำแนวทางนี้ไปปรับใช้ รับรองว่าจะช่วยให้ประหยัดน้ำมันสู้กับวิกฤติน้ำมันแพงได้อย่างแน่นอน
ขอขอบคุณบทความจาก : https://www.tlt.co.th/news/knowledge
หากลูกค้ามีข้อสงสัยเกี่ยวกับรถยนต์ ทางศูนย์โตโยต้ากาญจนบุรี ยินดีให้คำแนะนำ