วิธีเลือกกล้องติดรถยนต์
สำหรับคนขับรถในยุคปัจจุบันแล้ว “กล้องติดรถยนต์” ถือเป็นอุปกรณ์ที่มีประโยชน์ และสำคัญต่อการขับขี่
เพราะสามารถช่วยในการบันทึกหลักฐาน และเหตุการณ์ต่าง ๆ เมื่อเกิดเหตุไม่คาดฝันได้
สิ่งที่ต้องคำนึงถึงเวลาเลือกซื้อกล้องติดรถยนต์มีดังนี้
1. ความละเอียดของภาพวิดีโอ
คุณภาพและความละเอียดของวิดีโอถือเป็นหนึ่งในคุณสมบัติที่สำคัญที่สุดที่ควรคำนึงถึงสำหรับการเลือกกล้องติดรถยนต์ เพราะเมื่อเกิดเหตุ จำเป็นต้องมองเห็นรายละเอียดจากเหตุการณ์นั้นให้ได้มากที่สุด ซึ่งในปัจจุบันกล้องติดรถยนต์ส่วนมากสามารถบันทึกภาพได้ในความละเอียดตั้งแต่ 480p ไปจนถึง 1296p และหากเป็นไปได้ควรจะเลือกใช้กล้องที่มีความละเอียดในระดับ FULL HD หรือ 1080p ขึ้นไป เพื่อความคมชัดของภาพวิดีโอ
คุณภาพของภาพวิดีโอที่สูงขึ้น ยิ่งใช้พื้นที่เก็บข้อมูลจากการ์ดหน่วยความจำมากขึ้นเท่านั้น
2. ฟังก์ชัน – รูปแบบการบันทึกภาพ
ในปัจจุบันกล้องติดรถยนต์รุ่นใหม่ ๆ ถูกพัฒนาฟังก์ชันการบันทึกภาพให้มีหลากหลายรูปแบบ ทั้งการบันทึกจากด้านหน้ารถ หรือทำงานแบบ Dual-cam บันทึกภาพทั้งด้านหน้าและหลังรถพร้อมกัน รวมถึงการบันทึกภาพภายในห้องโดยสาร
ดังนั้น การเลือกซื้อกล้องติดรถยนต์คงต้องพิจารณาก่อนว่าต้องการใช้งานแบบไหน โดยผู้ขับขี่ทั่วไปมักจะติดตั้งกล้องบนกระจกหน้าเพื่อบันทึกภาพจากหน้ารถ ซึ่งอาจถือว่าเป็นฟังก์ชันการใช้งานแบบมาตรฐาน แต่กรณีที่ต้องการบันทึกภาพให้ครอบคลุมมากขึ้น ก็อาจจะต้องเลือกหา กล้องติดรถยนต์หน้า-หลัง หรือรุ่นที่ติดตั้งกล้องบันทึกภายในห้องโดยสารด้วย ซึ่งก็อาจจะมีราคาสูงกว่านั่นเอง
3. หน่วยความจำกล้องติดรถยนต์
การ์ดหน่วยความจำถือเป็นชิ้นส่วนที่สำคัญที่สุดชิ้นหนึ่งของ กล้องติดรถยนต์ กล้องที่มีคุณภาพดีที่สุดในโลกจะไม่มีความหมาย หากการ์ดหน่วยความจำทำงานผิดพลาด และวิดีโอไม่ได้ถูกบันทึกอย่างถูกต้อง
ในปัจจุบัน กล้องติดรถยนต์ สามารถใช้ได้กับหน่วยความจำไมโคร SDHC โดยมีความจุสูงสุดถึง 128GB และความเร็วในการเขียนการ์ดหน่วยความจำเป็นสิ่งสำคัญ ควรเลือกการ์ดหน่วยความจำที่มีคุณภาพ ซึ่งจะกำหนดโดย “class” ของการ์ดหน่วยความจำนั้น ๆ โดยมีตั้งแต่ class 2, 4, 6 และ 10 ซึ่งจะแสดงความเร็วในการเขียนขั้นต่ำเป็น MB
หมายความว่าการ์ด Class 2 มีความเร็วในการเขียนขั้นต่ำ 2MB ในขณะที่การ์ด Class 10 มีความเร็วในการเขียนขั้นต่ำ 10MB ผู้ผลิต กล้องติดรถยนต์ ส่วนใหญ่แนะนำให้ใช้การ์ดระดับคลาส 6 ขึ้นไป
โดยทั่วไป กล้องติดรถยนต์ ส่วนใหญ่มีการบันทึกแบบวนหรือลูป ซึ่งจะทำให้คุณสามารถบันทึกวิดีโอบนหน่วยความจำทับวิดีโอที่ถูกบันทึกไปแล้วได้ โดยที่ไม่จำเป็นต้องนั่งลบวิดีโอด้วยตัวเองหรือล้างหน่วยความจำ และโดยทั่วไปการ์ดหน่วยความจำขนาดต่าง ๆ ก็จะสามารถบันทึกภาพได้ในช่วงเวลา ดังนี้ (ขึ้นอยู่กับการตั้งความละเอียดของภาพวิดีโอด้วย)
- 8GB : 2-3 ชั่วโมง
- 16GB : 4-6 ชั่วโมง
- 32GB : 6-12 ชั่วโมง
- 64GB : 10-20 ชั่วโมง
- 128GB : 20-40 ชั่วโมง
4. ฟีเจอร์และฟังก์ชันช่วยเหลือการขับขี่อื่น ๆ
ปัจจุบัน กล้องติดรถยนต์ รุ่นใหม่ๆ นั้นมาพร้อมกับคุณสมบัติพิเศษมากมายไม่ว่าจะเป็น ระบบแจ้งเตือนการขับรถออกนอกเลน, ระบบแจ้งเตือนป้องกันการชน, ระบบบันทึกขณะจอดป้องกันขโมย, ระบบเปิด-ปิดอัตโนมัติ, ระบบที่สามารถโอนถ่ายข้อมูลไปยังโทรศัพท์กับคอมพิวเตอร์ และอื่น ๆ อีกมากมาย
สำหรับเรื่องนี้ขึ้นอยู่ความต้องการของคุณเองว่า ต้องการฟังก์ชันเสริมที่มากขึ้นหรือไม่ ซึ่งแน่นอนว่า กล้องที่มีคุณสมบัติพิเศษครบครัน ย่อมมีราคาที่สูงตามไปด้วย
5. งบประมาณ
สิ่งสำคัญอย่างหนึ่งที่ต้องคำนึงถึงย่อมเป็นเรื่องของราคา ปัจจุบันมีกล้องแบบต่าง ๆ ที่การใช้งาน ฟีเจอร์หลากหลายให้เลือกมากมาย และราคาหลากหลายไล่ตั้งแต่หลักร้อยไปจนถึงหลักหมื่น
การเลือกซื้อกล้องติดรถยนต์ก็ควรพิจารณาประกอบกันทั้งเรื่อง ราคา คุณภาพ ฟังก์ชันของกล้อง และความจำเป็นในการใช้งาน ให้สอดคล้องกับเงินที่ต้องควักกระเป๋าจ่าย ขณะที่การเลือกซื้อโดยคำนึงถึงราคาอย่างเดียวอาจไม่ใช่ทางเลือกที่ดีที่สุดเสมอไป เพราะประโยชน์หลัก ๆ ของกล้องติดรถยนต์ก็คือการบันทึกภาพเหตุการณ์ ซึ่งหากกล้องที่ใช้ไม่สามารถบันทึกภาพได้คมชัดพอที่จะใช้งานได้ ก็อาจจะกลายเป็นการจ่ายเงินที่ไม่คุ้มค่า
นี่ก็เป็นวิธีเลือกกล้องติดรถยนต์ที่เรารวบรวมนำมาให้คุณประกอบในการตัดสินใจซื้อกล้อง นอกจากที่จะต้องพิจารณาในเรื่องฟังก์ชันการทำงานของกล้องแล้ว สิ่งสำคัญที่ผู้ซื้อต้องคำนึงถึงก็คือการพิจารณาดูว่า ราคา ฟังก์ชันกล้อง และความจำเป็นในการใช้งานสอดคล้องกันหรือไม่ เพียงเท่านี้คุณก็จะได้ กล้องติดรถยนต์ ที่ทั้งมี คุณภาพ คุ้มราคา และตอบโจทย์ความต้องการของคุณมาใช้งานแน่นอน
ที่มา : https://car.kapook.com/view232593.html