ชาร์จแบตมือถือในรถ ทำให้แบตรถเสื่อมจริงหรือไม่ ?
การที่เรา “ชาร์จแบตมือถือในรถ” จะทำให้แบตรถยนต์เสื่อมเร็วนั้นเป็นเรื่องจริงหรือไม่ วันนี้โตโยต้ากาญจนบุรีจะพาไปหาคำตอบกันค่ะ
โตโยต้ากาญจนบุรีเชื่อว่าหลายคนคงมีประสบการณ์การชาร์จแบตมือถือในรถมาแล้ว เพราะจะต้องใช้โทรศัพท์ในการสื่อสารติดต่อตลอดเวลา จนถึงขั้นนับได้ว่า โทรศัพท์เป็นปัจจัยที่ 6 ไปเลยทีเดียว วันนี้โตโยต้ากาญจนบุรีจะมาไขข้อข้องใจว่าสรุปแล้ว ชาร์จแบตมือถือในรถได้หรือไม่ !
ก่อนอื่นต้องทำความเข้าใจก่อนว่า สาเหตุหลัก ๆ ของแบตเตอรี่รถยนต์เสื่อมนั้น สามารถเกิดขึ้นได้จากหลายสาเหตุ ทั้งการเสื่อมสภาพของตัวแบตเตอรี่เอง การใช้อุปกรณ์ไฟฟ้าในรถยนต์ ที่มากเกินไป เช่น เครื่องเสียงรถยนต์ที่กินไฟมากๆ วิทยุ โทรทัศน์ภายในรถยนต์ เป็นต้น
ดังนั้น ชาร์จแบตมือถือในรถยนต์ ก็เป็นแค่การดึงไฟจากแบตเตอรี่รถยนต์มาใช้ส่วนนึงเท่านั้นเอง เราจึงสรุปได้ว่า สาเหตุหลักของแบตเตอรี่รถยนต์เสื่อมนี้ ไม่ได้เกิดจากการชาร์จมือถือบนรถยนต์ อย่างเดียวแน่นอน
แต่ในทางกลับกันแล้ว! สิ่งที่จะได้รับผลกระทบจากการชาร์จแบตมือถือในรถยนต์ น่าจะเป็นตัวมือถือของเรามากกว่า เพราะว่าการจ่ายไฟ จากแบตเตอรี่รถยนต์ไปยังอุปกรณ์ไฟฟ้าในรถยนต์ต่าง ๆ พร้อม ๆ กัน มีโอกาสที่ทำให้แรงดันไฟฟ้าที่ส่งไปนั้น ไม่มีความสม่ำเสมอ ซึ่งจะทำให้แบตมือถือของเราเสื่อมสภาพเร็วกว่าปกติ
วันนี้โตโยต้ากาญจนบุรีจะมาบอกเคล็ดลับสำหรับการชาร์จแบตมือถือในรถยนต์กันค่ะ
– สตาร์ทรถก่อนเสียบที่ชาร์จ
เนื่องจากเวลาที่เราสตาร์ทรถ จะมีกำลังไฟฟ้าเข้ามาในรถเป็นจำนวนมาก ทำให้อุปกรณ์ต่าง ๆ ที่ไม่สามารถทนกับไฟฟ้าพังได้ ฉะนั้นแล้ว ไม่ควรเสียบที่ชาร์จมือถือเข้ากับรถเมื่อตอบกำลังจะสตาร์ทรถ
ซึ่งก็เป็นข้อปฏิบัติเดียวกับ วิทยุ หรือ เครื่องใช้ไฟฟ้าในรถว่าไม่ควรเปิดก่อนสตาร์ทรถ
– เสียบที่ชาร์จเข้ากับที่จุดบุหรี่
หลังจากที่สตาร์ทรถ ถือว่าปลอดภัยสำหรับอุปกรณ์เครื่องใช้ไฟฟ้า ดังนั้นการเสียบอุปกรณ์ชาร์จไฟหลังจากรถสตาร์ทเรียบร้อย จะช่วยถนอมอุปกรณ์ให้ใช้ได้นานและรับไฟได้กำลังที่ถูกต้องอยู่เสมอ
– นำสายเสียบกับมือถือ
หลายคนจะเข้าใจว่าต้องเสียบมือถือก่อนแล้วค่อยเสียบปลั๊กเข้าทั้งไฟบ้านและรถ แต่ความจริงนั้น การเสียบสายไว้ที่เรื่องแล้วให้รับไฟฟ้าเมื่อเสียบกับเต้ารับ จะทำให้ไฟฟ้าเกิดการกระชากเข้าสู่มือถือ อาจจะส่งผลร้ายแรงถึงขั้นลัดวงจรได้
ฉะนั้นที่ถูกต้องคือ เสียบปลั๊กจากตัวรับไฟให้เรียบร้อยแล้วค่อยเสียบสายชาร์จ
– เมื่อถึงที่หมายให้ดึงที่เสียบออกก่อนดับเครื่อง
หลังจากใช้งานที่ชาร์จในรถจนถึงที่หมายแล้ว ควรดึงที่ชาร์จออกทุกครั้ง ก่อนที่จะดับเครื่อง เพราะเหตุผลเดียวกันกับสตาร์ทรถ คือกระแสไฟอาจจะหายไปทันทีและอาจจะทำให้อุปกรณ์ได้รับความเสียหายได้หากใช้งานระยะเวลาที่ยาวนาน
– การเลือกที่ชาร์จต้องได้มาตรฐาน
การเลือกที่ชาร์จที่ได้รับมาตรฐานนั้นไม่ยาก แค่เราดูอุปกรณ์ที่มียี่ห้อหรือสเปคการรับไฟฟ้าได้เหมาะสมเท่านี้ก็ไม่มีปัญหากับมือถือของคุณแล้วครับ
และที่สำคัญที่สุดคือ สายชาร์จมือถือ หากใช้งานแล้วพบว่ากระแสไฟจ่ายไม่เต็มที่ควรจะเปลี่ยนสาย หรืออุปกรณ์ชาร์จจะดีกว่าทนใช้แล้วเกิดความเสียหายจนลัดวงจรได้ครับ ทิ้งท้ายว่าไม่ควรลืมมือถือไว้ในรถ เพราะนอกจากจะล่อตาล่อใจขโมยแล้ว หากรถอยู่ที่ร้อนก็อาจจะทำให้แบตเตอรี่เกิดความร้อนสูง ระเบิด หรือ ได้รับความเสียหายได้
– การเลือกใช้การชาร์จจาก Power Bank จะดีกว่า
เลือกใช้การชาร์ตมือถือจากแบตเตอรี่แบบพกพา (Power Bank) จะดีกว่าการต่อชาร์จจากรถยนต์โดยตรง ปลอดภัยกว่าแน่นอน และไม่ส่งผลต่อแบตเตอร์รี่มือถือของเราอีกด้วย
หากคุณปฏิบัติตามข้อแนะนำข้างต้น ก็จะทำให้การชาร์จแบตมือถือในรถยนต์ไม่เป็นปัญหาทั้งกับมือถือและรถยนต์ค่ะ
หากลูกค้ามีข้อสงสัยหรือเกิดปัญหาเกี่ยวกับแบตเตอรี่รถยนต์
สามารถโทรขอคำปรึกษาจากทางศูนย์โตโยต้า กาญจนบุรี ได้ที่เบอร์ 034-540-789 หรือ www.toyotakan.com
คุณสามารถติดตามข่าวสารดีๆเกี่ยวกับรถได้แบบฟรีๆ ที่
Line@ Click > > @toyotakan1995
หากบทความนี้ดีมีประโยชน์ อย่าลืมกดปุ่มแชร์ด้านล่างให้เพื่อนๆของคุณกันนะคะ !