ไปป้อมปี่ชมอาทิตย์ตกน้ำ สวยสุดในภาคตะวันตก
ไปป้อมปี่ ไปนอนท้าลม ชมอาทิตย์ตกน้ำ สวยสุดในภาคตะวันตก
โตโยต้ากาญจนบุรี ขอแนะนำสถานที่ท่องเที่ยวใหม่ในกาญจนบุรี มาให้เพื่อนๆได้ไปเที่ยว นำบทความจาก EDT Guide มาให้เพื่อนได้อ่านกันค่ะ
สารภาพตามตรงว่าก่อนหน้านี้ไม่เคยรู้จักป้อมปี่เลยค่ะ จนเมื่อสมาชิกที่ออฟฟิศชวนไปเที่ยวสังขละบุรี ซึ่งทริปนี้จริงๆ แล้วเป็นทริปต่อเนื่องจากที่เราพาไปเที่ยวชมวัดใต้บาดาล แห่งเมืองสังขละเมื่อก่อนหน้านี้ (น้ำลด วัดโผล่ มหัศจรรย์! วัดใต้บาดาล แห่งเดียวในสังขละบุรี) จากนั้นทริปของเราก็ยิงยาวมาที่ ป้อมปี่ แรกๆที่พี่สมาชิกท่านหนึ่งเสนอมาว่าเราจะไปกางเต้นท์นอนที่ป้อมปี่ สาวขาลุยอย่างเราถึงกับเอ๋อ พร้อมหลุดปากออกมาเบาๆว่า..”มันมีที่แบบนี้ด้วยเหรอพี่? ชื่อประหลาดแท้”
พอสิ้นเสียงแว่วๆของพี่คนนั้นว่า “ป้อมปี่ มีอยู่จริง แล้วแกจะติดใจ” รถกระบะคันเดิมที่พาเราไปวัดใต้บาดาล และมีเราอีกเช่นกันนั่งลั้งท้ายกระบะกับเพื่อนอีกคน ก็มาจอดที่ลานจอดรถป้อมปี่
เห็นมีทางลาดยางสวยงามอย่างรูปด้านบน ใช่ว่ารถจะเข้าได้นะคะ เราต้องจอดไว้ที่ลานจอดรถแล้วทางอุทยานฯ จะมีรถเข็นสำหรับใส่สัมภาระเข็นเข้าไป ไม่ไกลมาก แต่ก็เรียกเหงื่อและแรงหอบได้ดี ซึ่งเราก็ชอบแบบนี้นะ รถไม่จอดระเกะระกะ และไม่ทำลายทัศนียภาพดีค่ะ
สำหรับการขอข้อมูลท่องเที่ยว ข้อมูลที่พัก รวมทั้งร้านค้าร้านอาหาร สามารถติดต่อที่จุดบริการในนั้นได้เลย ขอบอกว่าอาหารที่นี่อร่อย ราคาธรรมดาๆด้วย แต่แนะนำไว้ก่อนเลยว่าถ้าจะไปทานช่วงมื้ออาหารหลักคือเช้า กลางวัน เย็น คนเยอะๆ ควรเผื่อเวลาไว้ก่อน เพราะมีร้านเดียว อาจจะนานนิดนึงนะ แต่ถ้าใครถนัดจะเอาอาหารไปทำทานเองก็สามารถนะคะ แต่ก็ต้องเก็บให้เรียบร้อยหลังทำเสร็จด้วย เผื่อคนอื่นจะได้ใช้พื้นที่ต่อ
ติดต่อเรื่องที่กางเต้นท์เสร็จสรรพ ก็ถึงเวลาจับจองมุม เราเลือกมุมที่ใกล้ๆกับจุดชมวิวพระอาทิตย์ตกค่ะ จะได้ไม่ต้องเดินไกล และยังอยู่ใกล้กับห้องน้ำด้วย
ในพื้นที่ของลานกลางเต้นท์จะเป็นเนินเขาเล็กๆ ประมาณครึ่งลูก มีน้ำโอบรอบ มุมหนึ่งคือบ้านพัก ส่วนอีกมุมเป็นที่กลางเต้นท์ และพื้นที่จะมีการไล่ระดับเหมือนขั้นบันได้ขนาดใหญ่ที่พอดีกับขนาดของเต้นท์และเผื่อสำหรับการปูเสื่อนั่งรับลมหน้าเต้นท์ ดูแล้วก็คิดว่าเป็นการบริหารจัดการพื้นที่ที่ดีนะคะ คือไม่ว่าคุณจะกางเต้นท์ในมุมไหน จะชั้นบนหรือชั้นล่างก็เห็นวิวได้เหมือนกันหมด ไม่มีใครบังใครค่ะ
เราไปถึงช่วงบ่ายๆ พอกางเต้นท์เสร็จไม่มีอะไรทำ จะไปเล่นน้ำตกที่อยู่ใกล้ๆก็แอบขี้เกียจ เลยเดินเตร็ดเตร่สำรวจพื้นที่ พร้อมหามุมถ่ายรูปและนั่งอ่านหนังสือชิลล์ๆ รอพระอาทิตย์ตกดีกว่า
เดินๆไปก็เจอสิ่งที่เราตามหามานานคือ ป้ายบอกที่มาของคำว่า..ป้อมปี่ ซึ่งคำนี้คือชื่อของจุดชมวิวที่สวยงามในพื้นที่ของอ่างเก็บน้ำเขื่อนวชิราลงกรณ และคำว่า “ป้อมปี่” ออกเสียงเพี้ยนมาจากภาษากระเหรี่ยงคำว่า “เปอปี่” หมายถึง ต้นอ้อ แต่พอเรียกกันไปเพี้ยนกันมาคนเลยติดคำว่าป้อมปี่มากกว่า
ที่ประทับใจเราเลยคือห้องน้ำค่ะ น้ำเย็นและแรงดี ที่สำคัญตคือตกแต่งดีไซน์สวยงามเข้ากับธรรมชาติ และสะอาดสะอ้านมาก คือบอกเลยว่าตั้งแต่เที่ยวอุทยานฯ มา ห้องน้ำที่นี่สะอาดและน่าเข้าที่สุด
กลุ่มเราผลัดกันไปอาบน้ำและเตรียมสะเบียง ทั้งนี้ก็เพื่อให้เสร็จทันการไปรอชมพระอาทิตย์ตกค่ะ และที่สำคัญคือให้ทันเวลาก่อนแสงจะหมด เพราะไม่แน่ใจว่าทางเจ้าหน้าที่จะเปิดไฟให้ถึงกี่ทุ่ม กลัวว่ามืดไปแล้วจะเตรียมของลำบาก
พอแสงสีทองเริ่มเตือนและส่องมาทางหน้าเต้นท์ เราก็ตรงเข้าไปในเต้นท์รีบคว้ากล้องวิ่งไปจับจองมุมสวยๆถ่ายรูปให้หนำใจทันที
โชคดี ช่วงที่ไปฝนไม่ตก ทำให้การดูพระอาทิตย์ตกนั้นยาวนาน ยิ่งท้องฟ้าเริ่มเปลี่ยนสีไปเรื่อยๆ ภาพทุกช่วงเวลาก็ถูกบันทึกลง Memory กล้องอย่างไม่รู้จักหยุดหย่อน
เป็นนิสัยส่วนตัวที่ชอบดูแสงพระอาทิตย์ตกมากกว่าพระอาทิตย์ขึ้น เพราะรู้สึกว่าเรามีเวลาได้ชื่นชมความงามของท้องฟ้าและแสงสีตรงหน้าได้เนิ่นนาน และชิลล์มากกว่า รวมทั้งเราว่าแสงยามเย็นมันมีหลากสีและผลัดเปลี่ยนกันไม่ซ้ำแบบ ที่สำคัญคืออารมณ์หลังดูพระอาทิตย์ตกแล้ว เรายังได้พักผ่อนต่อ ไม่ได้มีกิจกรรมอะไรทำมากมายเหมือนตอนเช้า นี่จึงทำให้เราหลงรักแสงอาทิตย์ตกเอามากๆ
ช่วงเวลาหนึ่งคืนที่ป้อมปี่ ผ่านไปกับเรื่องราวมุกตลกๆที่สมาชิกขุดเอามาเล่นแข่งกัน พอเบื่อมุกก็เริ่มหาเกมเล่น พอเบื่อเกมก็ตามด้วยกิน พอกินอิ่มก็ต่อด้วยเรื่องชวนขนหัวลุก ที่ไม่เข้าใจว่าทำไมมันต้องมีทุกครั้งที่ไปกางเต้นท์ เรานั่งชิลล์กันเนิ่นนาน เหมือนได้หลุดพ้นจากเรื่องราวในเมือง สังเกตได้ว่าแต่ละคนนั้นแทบจะไม่พกมือถือกันเลย จนตกดึกอากาศเย็นกำลังดี สายลมอ่อนๆเรื่อยๆ ที่พัดผ่านมา ชวนให้บางคนคล้อยหลับไป
จนเมื่อแสงแรกของเช้าวันใหม่ปลุกให้เราตื่น ภาพของป้อมปี่ที่ถูกบันทึกไว้เมื่อยามเย็น กับแสงสีเข้มๆ ออกแดงๆส้มๆ ตอนนี้เปลี่ยนเป็นสีฟ้าสดใส แบบนี้แหละถึงจะเรียกว่า “ฟ้าเป็นฟ้าของจริง”
พลาดไม่ได้กับกิจกรรมโบกมือลาป้อมปี่ ด้วยการถ่ายรูปสวยๆกับป้าย (กลัวเขาไม่เชื่อว่าไปจริง) จริงๆแล้วสมาชิกทริปนี้มี 8 ชีวิตค่ะ แต่ว่าแต่ละคนยังไม่พร้อมออกสื่อ (เดี๋ยวจะดังกันไปมากกว่านี้ 555 เพื่อนบางคนกล่าว) เลยส่งตัวแทนมาละกัน
สนุกสนานจริงๆค่ะ สำหรับทริปเที่ยวป้อมปี่ ในระยะเวลาสั้นๆ แต่ได้ความประทับใจที่แปลกใหม่ และความทรงจำที่ชีวิตนี้คงลืมไม่ลง ใครยังไม่เคยไป ต้องไปสักครั้งในชีวิตนะคะ เพราะมีเสน่ห์น่าค้นหาไม่จบสิ้นจริงๆ โดยถ้าจะไปป้อมปี่ ให้สอบถามข้อมูลโดยตรงที่ อุทยานแห่งชาติเขาแหลม อ.ทองผาภูมิ จ.กาญจนบุรี โทรศัพท์ 0 3454 6819,0 3453 2099 ,08 6131 3443 (ป้อมปี่) แล้วพบกันกับการเดินทางของเราในครั้งต่อๆไปนะคะ
^_ฝอยลม_^
ขอขอบคุณบทความจาก : www.edtguide.com
หากบทความนี้ดีมีประโยชน์ อย่าลืมกดปุ่มแชร์ด้านล่างให้เพื่อนๆของคุณกันนะคะ !