เติมลมยางแข็งเกินไปทำให้ยางระเบิดจริงหรือไม่?
วันนี้โตโยต้ากาญจนบุรีจะพาไปหาคำตอบกันค่ะ
ในการขับขี่ผู้ใช้รถควรเช็คสภาพรถอย่างสม่ำเสมอเพื่อช่วยในการรักษารถยนต์ให้อยู่ในสภาพที่ดีพร้อมใช้งานย่อมเกิดผลดีต่อรถยนต์และปลอดภัยในการขับขี่ ช่วยถนอมสภาพเครื่องยนต์ช่วงล่างไม่ให้ทำงานหนักยืดอายุเครื่องยนต์ของช่วงล่างรถยนต์ให้อยู่กับเราได้ยาวนานมากขึ้นและยังช่วยประหยัดเชื้อเพลิง
- การเติมลมยางเบื้องต้น
- เติมลมยางเท่าไหร่ถึงจะดี
- เติมลมยางอ่อนเกินไป
- เติมลมยางแข็งทำให้ยางระเบิดจริงหรือไม่?
- สรุป
ยางรถยนต์ส่วนสำคัญในการขับเคลื่อนที่ไปตามทิศทางที่หมุนพวงมาลัย ช่วยในการยึดเกาะถนนไม่ว่าจะทางชัน ทางโค้งหากเติมลมยางเหมาะสมจะช่วยเพิ่มความมั่นใจและปลอดภัยในการขับขี่ได้ดียิ่งขึ้น
การเติมลมยางจุดเล็กๆผู้ใช้รถยนต์อาจให้ความสนใจไม่มากนัก แต่ทราบไหมว่าลมยางมีผลต่อการขับรถมากเลยทีเดียว หากเติมลมยางที่เหมาะสมจะช่วยเพิ่มสมรรถนะในการขับขี่แถมยังช่วยประหยัดน้ำมันได้อีกด้วย เพราะลดการเผาผลาญเชื้อเพลิงของเคลื่อนยนต์ ช่วยยืดอายุการใช้งานของช่วงล่างอย่าง ลูกหมาก คันชัก คันส่ง
การเติมลมยางเบื้องต้น
การเติมลมยางรถแต่ละประเภทมีความต่างกันทั้งรุ่นรถ ขนาดไซซ์ยาง ความดันลมที่เหมาะสมในยางแต่ละประเภท ควรมีเครื่องมือเช็กความดันยางไว้ที่บ้านเพื่อเช็กได้อย่างแม่นยำ
เติมลมยางเบื้องต้นด้วยตนเอง ค่าการเติมลมเป็นหน่วย PSI (ปอนด์ตอนตารางนิ้ว)(เป็นหน่วยวัดปริมาณลมยางที่นิยมใช้) สามารถเติมบวกลบไม่มากหรือน้อยกว่า 3 PSI สำหรับปรับให้เหมาะสมแก่การขับรถของแต่ละคัน ควรเติมลมขณะที่ยางเย็น(จอดทิ้งไว้อย่างต่ำ 2 ชั่วโมง) ก่อนการเดินทางไกลหรือวิ่งไปไม่เกิน 1.5 กิโลเมตร เพราะจะมีความแม่นยำมากกว่า (หากขับรถไกลกว่า 1.5 กิโลเมตรก็สามารถเติมลมยางได้แต่สัดส่วนจะคลาดเคลื่อนได้เรื่อยๆตามระยะทางและความดันของลมยางที่ขยายตัว)
“แล้วเติมเท่าไหร่ถึงจะดี”
สามารถดูลมยางที่เหมาะสมของยางได้ที่สติ๊กเกอร์ตรงประตูข้างคนขับ เพราะเป็นมาตรฐานว่าควรเติมเท่าไหร่ ระบุอย่างชัดเจนทั้ง ขนาดของยาง จำนวนคนนั่ง ความเร็วที่ใช้ ปริมาณลมยางล้อหน้าและหลัง อัตราการบรรทุกหากต้องบรรทุกของหนักควรเติมเท่าไหร่ก็มีระบุไว้เช่นเดียวกัน เพื่อให้ลมยางสัมพันธ์กับน้ำหนักรถ หรือดูได้จากคู่มือรถที่ติดมาด้วยเมื่อซื้อรถ (ขึ้นอยู่กับยี่ห้อและรุ่นรถยนต์)
หากเติมลมยางที่เหมาะสมจะช่วยในการยึดเกาะถนนที่ดี ลดแรงกระแทกเมื่อขับผ่านทางต่างระดับ ช่วยลดอัตราการสิ้นเปลืองเชื้อเพลิงน้ำมัน หากรู้ว่าต้องขับรถทางไกลควรเติมลมยางให้แข็งกว่าค่ามาตรฐานสักเล็กน้อย 3 – 5 PSI เพื่อลดการขยายตัวของลมยางได้ดีกว่าการเติมลมยางอ่อน เพราะการยืดขยายตัวมากๆจะทำให้เกิดการระเบิดได้หรือรั่วได้ง่ายกว่า ยิ่งหากเจอทางขรุขระยิ่งเสี่ยงต่อการระเบิด
เติมลมยางอ่อนเกินไป
หลายคนเชื่อว่า “เติมลมยางอ่อน ทำให้รถยนต์เกาะถนนได้ดียิ่งขึ้น” อาจจะเกาะถนนได้ดีขึ้นจริงแต่เพียงเล็กน้อยเท่านั้น ทำให้สมรรถนะการขับขี่น้อยลงการควบคุมทิศทางแย่ลงเพราะล้อและยางไม่สัมพันธ์กัน บังคับพวงมาลัยได้ยากขึ้น เพราะมีแรงเสียดทานที่ล้อมากกว่าปกติ อัตราเร่งไม่ดีมีแรงหนืด การเบรกจะไม่มีประสิทธิภาพ ช่วงล่างทำงานหนัก
การเติมลมยางอ่อนเกินไปหลายคนอาจไม่ทราบว่าการเติมลมยางอ่อนก็ทำให้เกิดการ”ระเบิด” ได้ เพราะ ยางจะรับน้ำหนักรถได้ไม่ดี รับน้ำหนักมากเกินไป ทำให้เกิดความร้อนภายในยาง แก้มยางที่ผิดรูปและเสี่ยงต่อการระเบิด
ในการเข้าโค้งอาจมีอันตรายอาจทำให้ท้ายปัดได้ ยังเสี่ยงต่อยางระเบิดเพราะยางเกิดการผิดรูปและความร้อนได้ ดอกยางสึกผิดปกติเนื่องจากเมื่อลมยางอ่อนทำให้เกิดช่องว่างระหว่างไหล่ยางทั้งสองข้าง หรือข้างใดข้างหนึ่ง ขอบยางจึงสึกหรอกว่าปกติ และสิ้นเปลืองเชื้อเพลิงมากกว่าปกติ หากเกิดการชำรุดมีรอยรั่วจะไม่แสดงผลทันทีแต่อาจเกิดการระเบิดขณะขับรถยนต์
เติมลมยางแข็งทำให้ยางระเบิดจริงหรือไม่?
“เติมลมยางเผื่อไว้” การเติมลมยางแข็งจนรู้สึกได้ในการขับขี่จะทำให้เคลื่อนยนต์ทำงานได้เบาลง ช่วยให้หมุนพวงมาลัยได้คล่อง ช่วยประหยัดน้ำมันเพราะพื้นที่สัมผัสถนนน้อยลงลดการเสียดสีต่อถนนมาก แต่ส่งผลให้ความปลอดภัยลดลง การยึดเกาะถนนน้อยลง ความนุ่นนวลในการขับขี่น้อยลงหากเจอหลุมหรือเนินจะทำให้สะเทือนกว่าปกติเพราะซับแรงกระแทกได้น้อย
การเติมลมยางแข็งกว่าปกติเล็กน้อยยังช่วยในการทำให้รู้รอยชำรุด รอยแตก รั่วซึมของล้อยางได้อีกด้วย เพราะจะมีลมออกมาจากรอยนั้น
ยังส่งผลโดยตรงต่อโช็คและเครื่องยนต์ช่วงล่างแต่ “การเติมลมยางแข็งไม่ทำให้เกิดการระเบิด” หากยางระเบิดเกิดจากความไม่รอบคอบในการเติมลมยางเติมแล้วเกิดการระเบิดขณะเติมลมยาง
สรุป
การเติมลมยางไม่ว่าจะอ่อนไปหรือแข็งไปต่างมีข้อเสียและความเสี่ยง ควรเติมตามปริมาณที่เหมาะสม เพื่อช่วยถนอมเครื่องยนต์ไม่ให้ทำงานหนักจนเกินไป ลดการสิ้นเปลืองเชื้อเพลิง
เมื่อทราบอย่างนี้แล้วสิ่งที่ควรทำ คือ ควรมีเครื่องวัดความดันลมที่บ้านเพื่อวัดความดันตอนลมยางยังเย็นอยู่ ควรวัดลมยางก่อนออกจากบ้านเพราะตัวยางยังเย็นอยู่จากการจอดไว้ทั้งคืน ควรมีเครื่องมือวัดความดันลมติดบ้านไว้ ปริมาณลมยางแต่ละคันสามารถดูได้จากสติ๊กเกอร์ข้างคนขับ หรือแผ่นโลหะที่มีข้อมูลแนะนำปริมาณลมยางที่ได้มาตรฐานจากโรงงานที่ผลิตเป็นค่าที่เหมาะสม
เติมลมด้วยตัวเองง่ายๆตามปั๊มน้ำมัน บริเวณเติมลมยาง กดเพิ่มลดปริมาณ PSI ตามที่ต้องการ หรือตามร้านปะยาง และศูนย์บริการใกล้บ้านได้เลย
การเติมลมยางแข็งมีโอกาสระเบิดได้แต่น้อยกว่าการเติมลมยางอ่อน การเติมลมยางอ่อนมีสิทธิที่ทำให้ยางระเบิดมากกว่า เพราะหากเติมลมแข็งกว่าค่ามาตรฐานจากข้างประตูคนขับจะทำให้ความดันขยายตัวได้น้อยเกิดความร้อนน้อยกว่าการเติมลมยางอ่อนที่จะมีพื้นที่ในการขยายตัวของลมยางมากกว่าเมื่อเกิดการเสียดสีมากทำให้เกิดความร้อนและระเบิด
ดังนั้นหากเติมลมยางปริมาณที่เหมาะสมจะช่วยเพิ่มสมรรถนะในการขับขี่และช่วยลดความเสี่ยงต่อการเกิดอุบัติเหตุ
โดยทั่วไปลมยางจะลดลงประมาณ 2 – 3 ปอนด์ต่อตารางนิ้วต่อเดือน ดังนั้นควรเช็คลมยางสม่ำเสมอเดือนละหนึ่งครั้ง เพื่อรักษายางและเครื่องยนต์ และประหยัดน้ำมัน ควรสังเกตการรั่วซึมของยางและสิ่งผิดปกติที่เกิดขึ้นกับยาง เพื่อความปลอดภัยของผู้ใช้รถทุกคน
บทความเกี่ยวข้อง