ชาร์จแบตมือถือในรถ ทำให้แบตรถเสื่อมจริงหรือไม่ ?

ชาร์จแบตบนรถ-800x577 ชาร์จแบตมือถือในรถ ทำให้แบตรถเสื่อมจริงหรือไม่ ?
มีนาคม 5, 2018
Posted by: admin

การที่เรา “ชาร์จแบตมือถือในรถ” จะทำให้แบตรถยนต์เสื่อมเร็วนั้นเป็นเรื่องจริงหรือไม่ วันนี้โตโยต้ากาญจนบุรีจะพาไปหาคำตอบกันค่ะ

โตโยต้ากาญจนบุรีเชื่อว่าหลายคนคงมีประสบการณ์การชาร์จแบตมือถือในรถมาแล้ว เพราะจะต้องใช้โทรศัพท์ในการสื่อสารติดต่อตลอดเวลา จนถึงขั้นนับได้ว่า โทรศัพท์เป็นปัจจัยที่ 6 ไปเลยทีเดียว วันนี้โตโยต้ากาญจนบุรีจะมาไขข้อข้องใจว่าสรุปแล้ว ชาร์จแบตมือถือในรถได้หรือไม่ !

ก่อนอื่นต้องทำความเข้าใจก่อนว่า สาเหตุหลัก ๆ ของแบตเตอรี่รถยนต์เสื่อมนั้น สามารถเกิดขึ้นได้จากหลายสาเหตุ ทั้งการเสื่อมสภาพของตัวแบตเตอรี่เอง การใช้อุปกรณ์ไฟฟ้าในรถยนต์ ที่มากเกินไป เช่น เครื่องเสียงรถยนต์ที่กินไฟมากๆ วิทยุ โทรทัศน์ภายในรถยนต์  เป็นต้น

ดังนั้น ชาร์จแบตมือถือในรถยนต์ ก็เป็นแค่การดึงไฟจากแบตเตอรี่รถยนต์มาใช้ส่วนนึงเท่านั้นเอง เราจึงสรุปได้ว่า สาเหตุหลักของแบตเตอรี่รถยนต์เสื่อมนี้ ไม่ได้เกิดจากการชาร์จมือถือบนรถยนต์ อย่างเดียวแน่นอน

540463eb1acd2faf1d51285e01e262271cf26edcf893f1edb8b78f7de9ab2be0 ชาร์จแบตมือถือในรถ ทำให้แบตรถเสื่อมจริงหรือไม่ ?

แต่ในทางกลับกันแล้ว! สิ่งที่จะได้รับผลกระทบจากการชาร์จแบตมือถือในรถยนต์ น่าจะเป็นตัวมือถือของเรามากกว่า  เพราะว่าการจ่ายไฟ จากแบตเตอรี่รถยนต์ไปยังอุปกรณ์ไฟฟ้าในรถยนต์ต่าง ๆ พร้อม ๆ กัน มีโอกาสที่ทำให้แรงดันไฟฟ้าที่ส่งไปนั้น ไม่มีความสม่ำเสมอ ซึ่งจะทำให้แบตมือถือของเราเสื่อมสภาพเร็วกว่าปกติ

วันนี้โตโยต้ากาญจนบุรีจะมาบอกเคล็ดลับสำหรับการชาร์จแบตมือถือในรถยนต์กันค่ะ

b5513bac61bf8d7dd4170c5862e36ddfd512fcee4d45007563e4d6b4839168c2 ชาร์จแบตมือถือในรถ ทำให้แบตรถเสื่อมจริงหรือไม่ ?

– สตาร์ทรถก่อนเสียบที่ชาร์จ

เนื่องจากเวลาที่เราสตาร์ทรถ จะมีกำลังไฟฟ้าเข้ามาในรถเป็นจำนวนมาก ทำให้อุปกรณ์ต่าง ๆ ที่ไม่สามารถทนกับไฟฟ้าพังได้ ฉะนั้นแล้ว ไม่ควรเสียบที่ชาร์จมือถือเข้ากับรถเมื่อตอบกำลังจะสตาร์ทรถ

ซึ่งก็เป็นข้อปฏิบัติเดียวกับ วิทยุ หรือ เครื่องใช้ไฟฟ้าในรถว่าไม่ควรเปิดก่อนสตาร์ทรถ

– เสียบที่ชาร์จเข้ากับที่จุดบุหรี่

หลังจากที่สตาร์ทรถ ถือว่าปลอดภัยสำหรับอุปกรณ์เครื่องใช้ไฟฟ้า ดังนั้นการเสียบอุปกรณ์ชาร์จไฟหลังจากรถสตาร์ทเรียบร้อย จะช่วยถนอมอุปกรณ์ให้ใช้ได้นานและรับไฟได้กำลังที่ถูกต้องอยู่เสมอ

– นำสายเสียบกับมือถือ

หลายคนจะเข้าใจว่าต้องเสียบมือถือก่อนแล้วค่อยเสียบปลั๊กเข้าทั้งไฟบ้านและรถ แต่ความจริงนั้น การเสียบสายไว้ที่เรื่องแล้วให้รับไฟฟ้าเมื่อเสียบกับเต้ารับ จะทำให้ไฟฟ้าเกิดการกระชากเข้าสู่มือถือ อาจจะส่งผลร้ายแรงถึงขั้นลัดวงจรได้

ฉะนั้นที่ถูกต้องคือ เสียบปลั๊กจากตัวรับไฟให้เรียบร้อยแล้วค่อยเสียบสายชาร์จ

– เมื่อถึงที่หมายให้ดึงที่เสียบออกก่อนดับเครื่อง

หลังจากใช้งานที่ชาร์จในรถจนถึงที่หมายแล้ว ควรดึงที่ชาร์จออกทุกครั้ง ก่อนที่จะดับเครื่อง เพราะเหตุผลเดียวกันกับสตาร์ทรถ คือกระแสไฟอาจจะหายไปทันทีและอาจจะทำให้อุปกรณ์ได้รับความเสียหายได้หากใช้งานระยะเวลาที่ยาวนาน

– การเลือกที่ชาร์จต้องได้มาตรฐาน

การเลือกที่ชาร์จที่ได้รับมาตรฐานนั้นไม่ยาก แค่เราดูอุปกรณ์ที่มียี่ห้อหรือสเปคการรับไฟฟ้าได้เหมาะสมเท่านี้ก็ไม่มีปัญหากับมือถือของคุณแล้วครับ

และที่สำคัญที่สุดคือ สายชาร์จมือถือ หากใช้งานแล้วพบว่ากระแสไฟจ่ายไม่เต็มที่ควรจะเปลี่ยนสาย หรืออุปกรณ์ชาร์จจะดีกว่าทนใช้แล้วเกิดความเสียหายจนลัดวงจรได้ครับ ทิ้งท้ายว่าไม่ควรลืมมือถือไว้ในรถ เพราะนอกจากจะล่อตาล่อใจขโมยแล้ว หากรถอยู่ที่ร้อนก็อาจจะทำให้แบตเตอรี่เกิดความร้อนสูง ระเบิด หรือ ได้รับความเสียหายได้

– การเลือกใช้การชาร์จจาก Power Bank จะดีกว่า

เลือกใช้การชาร์ตมือถือจากแบตเตอรี่แบบพกพา (Power Bank) จะดีกว่าการต่อชาร์จจากรถยนต์โดยตรง ปลอดภัยกว่าแน่นอน และไม่ส่งผลต่อแบตเตอร์รี่มือถือของเราอีกด้วย

หากคุณปฏิบัติตามข้อแนะนำข้างต้น ก็จะทำให้การชาร์จแบตมือถือในรถยนต์ไม่เป็นปัญหาทั้งกับมือถือและรถยนต์ค่ะ

หากลูกค้ามีข้อสงสัยหรือเกิดปัญหาเกี่ยวกับแบตเตอรี่รถยนต์

สามารถโทรขอคำปรึกษาจากทางศูนย์โตโยต้า กาญจนบุรี ได้ที่เบอร์ 034-540-789 หรือ www.toyotakan.com

คุณสามารถติดตามข่าวสารดีๆเกี่ยวกับรถได้แบบฟรีๆ ที่
Line@ Click > > line-logo-1x1 ชาร์จแบตมือถือในรถ ทำให้แบตรถเสื่อมจริงหรือไม่ ? @toyotakan1995 

หากบทความนี้ดีมีประโยชน์ อย่าลืมกดปุ่มแชร์ด้านล่างให้เพื่อนๆของคุณกันนะคะ !

เรื่องรอบรู้เรื่องรถ : มาใหม่